Heart Attack รู้ทันป้องกันหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
หลายคนมักคิดว่าภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือ Heart Attack คืออาการหัวใจวายเฉียบพลัน ทั้งที่ความจริงแล้วเกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันหรือตีบกะทันหัน กล้ามเนื้อหัวใจตายหรือขาดเลือดรุนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือตกอยู่ในภาวะหัวใจล้มเหลวจนทำให้หัวใจหยุดเต้น ดังนั้นการรู้ทันโรคเป็นเรื่องสำคัญเพื่อช่วยป้องกันและลดโอกาสการเสียชีวิต
รู้จักภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
Heart Attack หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือขาดเลือดเฉียบพลัน เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โดยมีสาเหตุจากการที่หลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันหรือตีบอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อหัวใจจึงไม่บีบตัว เลือดไม่สามารถสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายได้ตามปกติ มีอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตจากการที่กล้ามเนื้อหัวใจตาย
กลุ่มเสี่ยง Heart Attack
- มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
- มีภาวะหลอดเลือดหัวใจผิดปกติ
- มีโรคประจำตัว ได้แก่
- เบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- ไขมันในเลือดสูง
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
- สูบบุหรี่
- มีความเครียดสูง
- มีน้ำหนักเกินเกณฑ์
- ไม่ออกกำลังกาย
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
อาการและสัญญาณเตือน
- เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง
- หายใจไม่เต็มอิ่ม
- แน่นหน้าอก
- จุกหน้าอก
- อ่อนเพลีย เช่น เคยขึ้นลงบันไดโดยไม่ต้องพัก กลายเป็นต้องพักระหว่างขึ้นบันได
- รู้สึกหวิว คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว
- ปวดร้าวไปแขน ไหล่ จุกใต้ลิ้นปี่
- ปวดร้าวไปกราม คอหอย หรือแขนด้านในบริเวณสะบักทั้งสองข้าง จะเป็นมากเวลาออกกำลังกายและเครียด
- แน่นท้องเหมือนมีอะไรมากดทับ คล้ายเป็นกระเพาะอาหาร
ตรวจวินิจฉัยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
การตรวจวินิจฉัยก่อนภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart Attack) แพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจจะพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงและกลุ่มอาการเป็นหลัก โดยจะทำการซักประวัติอย่างละเอียด ตรวจร่างกาย ตรวจเลือด เอกซเรย์คลื่นหัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจหาปริมาณแคลเซียมที่จับอยู่ที่ผนังหลอดเลือด ในผู้ที่อายุน้อยควรตรวจสุขภาพหัวใจทั่วไป ส่วนในผู้ที่อายุมากควรตรวจสุขภาพหัวใจเชิงลึก
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันโดยตรง เช่น แน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย เป็นลม หน้ามืด ใจสั่น เป็นต้น ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ควรต้องเข้ารับการรักษาทันที เพื่อให้รักษาได้ถูกวิธีก่อนสายเกินไป
รักษาภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
หากผู้ป่วยมีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart Attack) แนะนำให้รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดที่มีอายุรแพทย์โรคหัวใจที่สามารถทำการขยายบอลลูนได้ มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษา โดยอายุรแพทย์โรคหัวใจจะทำการตรวจวินิจฉัย ตรวจวัดสัญญาณชีพ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเลือด หากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันแพทย์จะพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือด ทำการสวนหัวใจภายใน 24 – 72 ชั่วโมง โดยทำบอลลูนขยายหลอดเลือดโดยเร็วที่สุด เนื่องจากหากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดนานเกินไป กล้ามเนื้อหัวใจจะตาย ทำให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ ดังนั้นถ้ามีอาการผิดปกติควรเรียกรถพยาบาลให้เร็วที่สุด สามารถโทร 1669 หรือ 1724 ได้ทันที โดยเฉพาะใน 3 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ ถ้าถึงมือแพทย์ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะการรักษาจะมีประสิทธิภาพสูงและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ป่วย
ป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
- กินอาหารที่ดีต่อร่างกาย เลี่ยงอาหารไขมันสูง ไม่กินอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ เน้นอาหารไขมันต่ำ กินผักผลไม้ที่มีกากใยมาก ปรุงอาหารด้วยการอบ นึ่ง ลวก ย่างแทนการทอด
- ถ้ามีโรคประจำตัวต้องรับประทานยาให้สม่ำเสมอทั้งที่บ้านและเวลาเดินทาง
- จัดการความเครียดให้อยู่หมัด อาทิ นั่งสมาธิ ท่องเที่ยว ฯลฯ เพราะความเครียดทำให้หัวใจทำงานหนัก
- ออกกำลังกายวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้เส้นเลือดขยายตัว
- นอนหลับพักผ่อนวันละ 6 – 8 ชั่วโมง โดยเฉพาะหลัง 5 ทุ่มไม่ควรทำกิจกรรมอื่น ๆ
- อย่าเริ่มสูบบุหรี่และเลิกบุหรี่ให้เร็วที่สุด
- หากสงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอย่ารอ ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
การดูแลสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงคือสิ่งสำคัญ นอกจากกินให้ดีอยู่ให้ดีแล้ว ควรตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำทุกปีกับแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ เพื่อดูแลและให้คำแนะนำการป้องกันโรคหัวใจที่ถูกต้องในระยะยาว ช่วยให้ห่างไกลภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน